เครื่องแบบของนักแกะปูทุกคนคือถุงมือยางและผ้ากันเปื้อน แต่เราสังเกตเห็นว่าผ้ากันเปื้อนตัวเก่งของก๊ะรีมีข้อความที่ต่างจากเพื่อน
“จะนะ เทพา เล-ฟ้า เดียวกัน” ก๊ะรีอ่านออกเสียงให้ฟังฉะฉาน “หมายถึงว่า ถ้าจะนะเดือดร้อน หรือเทพาเดือดร้อน เราก็จะเดือดร้อนถึงกันหมด เพราะเรามีแผ่นดินแผ่นน้ำที่ติดกัน”
นอกจากจะเป็นแม่ครัวมือฉมังแล้ว ก๊ะรียังเป็นนักกิจกรรมตัวยงอีกด้วย – อันที่จริงคำว่า ‘ตัวยง’ ในบริบทนี้ฟังดูไม่ค่อยเข้าทีนัก เพราะฉันไม่คิดว่าวันดีคืนดีคนเราจะอยากลุกขึ้นมาเป็นนักกิจกรรมแน่ๆ หากไม่มีเรื่องจำเป็น
“พี่เองมาต่อสู้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2542-2543 ที่มีโครงการท่อส่งก๊าซ โรงแยกก๊าซเกิดขึ้นในพื้นที่ตำบลสะกอม ตำบลตลิ่งชัน ตำบลนาทับ พี่น้องก็เห็นกันว่า ถ้ามันเกิดขึ้นมันจะมีอะไรอีกหลายๆ อย่างที่จะทำลายวิถี ทำลายทะเลของเราตามมา ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรของเรามันก็จะไม่ดี เราก็จะอยู่ลำบากขึ้น เราก็เลยรวมตัวกัน 8 หมู่บ้าน 3 ตำบล รวมตัวกันเข้ามาในกระบวนการนี้มาเรื่อยๆ จนได้รู้ ได้ศึกษาอะไรหลายๆ อย่างที่บางที่มันอยู่ใกล้ตัวเรา บางทีเราก็มองข้ามไป
“พอเราก็ได้รู้อะไรที่เราไม่รู้หลายๆ อย่าง ก็รู้สึกว่าเราต้องปกป้องนะ อย่าให้ใครมาทำลาย เพราะมันจะเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันหมดเลยทั้งระบบ อย่างตอนนี้ถ้ามีนิคมอุตสาหกรรมเกิดขึ้น มันก็จะเสียหาย รวนกันไปทั้งระบบ ไม่ใช่แค่ที่นี่ที่เดียว เหมือนที่บอกว่า มันไม่มีใครมากั้นฟ้ากันน้ำได้ ถ้าทะเลถูกทำลาย พวกเราที่ทำอาชีพประมงทั้งหมด เราอยู่ด้วยทะเล ทำมาหากินเลี้ยงลูกเลี้ยงครอบครัวมาตลอดตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย ถ้าทะเลถูกทำลายก็เท่ากับว่าชีวิตเราถูกทำลาย
“เกือบ 30 ปีที่ชาวบ้านร่วมกันต่อสู้ เรารู้สึกว่ามันเหนื่อย แต่ถามว่าเราจะหยุดไหม เราไม่หยุด จะถูกคดี ถูกปิดปากยังไง ก็ไม่มีใครหยุด เพราะว่าทุกคนคิดว่ามันไม่ได้น่ากลัวเท่ากับที่เราจะไม่มีอะไรกินต่อไปในอนาคต มันคือชีวิตนะ ชีวิตของเรา ลูกได้เรียน ข้าวสารที่จะหุง เราได้จากทะเลหมด
“เราก็ปรับปรุงวิธีการต่อสู้ของเราไปเรื่อยๆ จากการที่เราลงถนน เราก็มาใช้ข้อมูลสื่อสารให้คนข้างนอกเห็น ว่าทำไมเราถึงต้องปกป้อง ทำไมเราถึงยอมติดคุกติดตาราง เพราะเราอยากให้คนรับรู้ว่าทำไมเราถึงไม่หยุด ถ้าเราหยุด ป่านนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง ทะเล ผืนดิน จะเป็นยังไง แล้วเราจะอยู่แบบนี้ได้ยังไง”